‘ความคิดสร้างสรรค์’ อาจจะฟังดูเป็นคำที่ค่อนข้างเกร่อ เพราะช่วงหลังๆ กระแสความนิยมเริ่มแพร่กระจายอยู่ในทุกอุตสาหกรรม ทุกจังหวะ ทุกท่วงท่าของชีวิต ใครๆ ก็พูดถึงความคิดสร้างสรรค์กันทั้งนั้น แต่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่พูดถึงบ่อยแล้วเราจะมีกันได้ง่ายๆ เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องทำงานโดยมีเจ้า ‘ความคิดสร้างสรรค์’ เข้ามาเป็นส่วนประกอบก็คงจะเข้าใจดีว่าอาการสมองตีบตัน ความคิดไม่แล่น มันเกิดขึ้นง่ายยิ่งกว่าอะไรซะอีก อาการเหล่านี้แทบทุกคนต้องเคยเจอ เรียกว่าเป็นปัญหายูนิเวอร์แซลได้เลย งั้นลองไปดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีแก้อาการเหล่านี้กันได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

1. ลองทำงานแบบเน้น ‘ปริมาณ’ ไม่เน้น ‘คุณภาพ’ ดูสิ

ไอเดียที่เรามักจะได้ยินกันมาตลอดว่าการระดมสมอง (Brainstorm) ที่ดีก็คือการที่โพล่งไอเดียออกมากันแบบไม่หยุดหย่อน อย่าพึ่งไปขัดจังหวะความลื่นไหลของสมองหรือความคิดใดๆ คิดอะไรออกก็ลิสต์เอาไว้ เพราะจริงๆ แล้วการที่เราไปขัดไอเดียของเพื่อนร่วมงานหรือแม้กระทั่งความคิดของตัวเองก็ตาม ทำให้สมองหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นบล็อกความคิดแบบเต็มรูปแบบไปซะอย่างงั้น

*ใครอยากลองฝึกสมอง ฝึกกล้ามเนื้อแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเราตามทฤษฎี ปริมาณสำคัญกว่าคุณภาพ ลองเล่นเกมฝึกสมองจากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดดูก็ไม่เสียหายอะไร โดยจะมีใบกระดาษที่มีรูปทรงวงกลมเปล่าๆ 30 วงไว้ให้ จับเวลา 3 นาที แล้วลองละเลงไอเดียอะไรก็ตามที่อยู่ในความคิดเราตอนนั้นออกมาให้หมด จะเป็นจับคู่สี วาดรูปแบบฟรีสไตล์ หรือกำหนดไปเลยว่าวาดสัตว์ประหลาดสัก 30 ตัวก็ได้ หมดเวลา 3 นาทีเราอาจจะได้ไอเดียไปต่อยอดกับชิ้นงานได้ก็ได้ ใครจะรู้

 

credit: web.stanford.edu/group/sdgc/cgi-bin/ycisl/?p=1859

 

2. มองสิ่งเดิมๆ จากมุมใหม่ๆ

สิ่งของบางอย่างที่ดูแสนธรรมดาอาจจะเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่กระตุ้นไอเดียกระตุกต่อมความสร้างสรรค์ของเราได้มากกว่าที่คิด ลองเริ่มจากสิ่งของใกล้ตัวก่อนก็ได้ อาจจะเป็นแก้วน้ำใบเดิมที่เคยวางอยู่บนโต๊ะ ลองหยิบมาพลิก มาคว่ำ มองมุมกลับ และจินตนาการว่ามันสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าแก้วน้ำหรือเปล่า หรือจะลองจินตนาการว่าลวดหนีบกระดาษตัวจิ๋วแสนธรรมดา หากเราหยิบมาดัดนู่นดัดนี่ จะสามารถกลายเป็นอะไรได้บ้างกันนะ จริงๆ แล้วไอเดียต่างๆ มักซ่อนอยู่ตามสิ่งของรอบตัวเรานี่แหละ แค่ต้องลองปรับ ‘มุม’ ที่เคยใช้ ‘มอง’ มันเท่านั้นเอง!

 

 

3. ลองก้าวเข้าไปที่ร้านหนังสือดูบ้าง

อีกสถานที่ที่เราเชื่อว่ามีไอเดียซุกซ่อนอยู่เต็มไปหมดก็คือร้านหนังสือ อาจจะหลบอยู่ตามซอกชั้นวางสุดทางเดิน แอบเหล่มองเราจากคำนิยมบนปกหลัง หรือกระโดดดึงดูดความสนใจให้เราเห็นชัดๆ จากดีไซน์ปกหน้าเลยก็เป็นได้ ว่างๆ ก็ลองเดินเข้าสำรวจไอเดียใหม่ๆ ดูนะ เราเชื่อว่าได้อะไรกลับมาแน่ๆ (อย่างน้อยก็หนังสือดีๆ สักเล่มแหละน่า!)

 

 

4. ทำกิจวัตรประจำวันที่ไม่ต้องใช้สมองมากนัก!

ลองไปล้างจานสิ ถูบ้านก็ได้ หรือจะรดน้ำต้นไม้ก็โอเค ถ้าหากว่าต้องคิดอะไรให้ออก จะมีวิธีไหนที่ง่ายและน่าจะเวิร์คที่สุดเท่าการ หยุดคิด อีกล่ะ! จริงๆ แล้วการให้สมองได้คลายเครียดเพื่อรีบูทตัวเองกลับมาได้ง่ายขึ้นก็เป็นวิธีที่น่าลองไม่น้อย ลองเริ่มจากการปลีกตัวไปทำงานบ้านง่ายๆ หรือกิจวัตรประจำวันที่ไม่ต้องใช้สมองหนักหน่วงดู รับรองว่าสมองจะเฟรชขึ้นมากพอดูเลยล่ะ

 

 

5. สุขภาพดีสมองก็แล่นฉิว

รถยนต์จะแล่นได้ดีก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์ด้านในได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง สมองคนเราก็เช่นกัน การปล่อยตัวเองให้ได้พักบ้างก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ รับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกายสักเล็กน้อย หรือง่ายที่สุดก็คือการนอนหลับให้เต็มอิ่มก็จะยิ่งทำให้สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น หรือจะลองแอบงีบระหว่างวันสัก 10-15 นาที สมองก็เฟรชขึ้นง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ

 

นี่เป็นเพียงไอเดียบางส่วนเท่านั้น เราเชื่อว่าทุกคนย่อมมีวันที่ยากเหลือเกินที่จะรีดไอเดียออกมาจากสมองที่เหนื่อยล้า อย่าลืมว่าการกดดันตัวเองมากเกินไปอาจจะยิ่งเป็นการบล็อกไอเดียกว่าเดิมก็เป็นได้ ลองทำตามลิสต์ที่เราเขียนมาฝากกันแล้วหาดูว่าข้อไหนเหมาะกับเรามากที่สุด เพราะยังไงซะไอเดียก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก ลองหันมองไปรอบๆ ดูสิ 🙂