หากพูดถึงแบรนด์สักหนึ่งแบรนด์ นอกจากชื่อที่มักจะติดหูของผู้บริโภคแล้ว ‘โลโก้’ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มักจะต้องติดตาเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่จะออกแบบโลโก้ให้ ‘ติดตา’ มีความเป็นเอกลักษณ์ และตรงความหมายที่แบรนด์จะสื่อ อาจจะต้องใช้เวลากับมันค่อนข้างพิถีพิถันสักนิด แต่ก่อนที่จะเริ่มออกแบบโลโก้ให้กับแบรนด์ของตัวเอง เราควรทำความรู้จักกับแต่ละชนิดของโลโก้กันก่อนเพื่อจะได้เข้าใจตรงกันกับนักออกแบบ และวันนี้โลโก้ที่เราหยิบมาฝากกันทั้ง 5 แบบนั้นเป็นสไตล์ที่ถูกใช้มากที่สุดในช่วงหลายปีมานี้ ลองไปดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง

 

1. Wordmarks หรือ Logotypes

สไตล์แรกที่เราจะพูดถึงอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะหลายบริษัทชั้นนำมักจะใช้สไตล์นี้ในการออกแบบโลโก้ประจำองค์กรอยู่เสมอ Wordmarks หรือ Logotypes เป็นโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเป็นตัวชูโรง และมักจะใช้เป็นชื่อเต็มของแบรนด์นั้นๆ เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีชื่อที่เป็นเอกลักษณ์และจดจำได้ง่าย (ถึงแม้จะไม่มีความหมายก็ตาม) แถมบวกกับฟอนต์และการเลือกสีที่เหมาะสมก็จะยิ่งทำให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

 

          

 

 

2. Monogram logos หรือ Lettermarks

เป็นอีกหนึ่งสไตล์โลโก้ที่จุดเด่นคือการใช้ตัวอักษร แต่ Monogram logos หรือ Lettermarks จะแตกต่างจากสไตล์แรกของเราเล็กน้อย โดยสไตล์นี้จะใช้ ตัวอักษรย่อ แทนชื่อเต็มๆ ของแบรนด์นั่นเอง โลโก้สไตล์นี้ที่เรามักจะเห็นผ่านตากันบ่อยๆ ก็เช่น BBC, CNN, HBO, HP, หรือ NASA และเนื่องจากโลโก้สไตล์นี้จะใช้แค่ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวในการสื่อสาร ทำให้การเลือกฟอนต์และสไตล์การออกแบบมีผลเป็นอย่างมากที่จะให้ทำโลโก้นี้เป็นที่น่าจดจำ

 

           

 

           

 

3. Mascots

ถ้าให้นึกถึงสไตล์โลโก้แนว Mascots ภาพแรกที่แวบเข้ามาในหัวก็คงจะเป็นผู้พันมีหนวด ใ่ส่แว่น สวมผ้ากันเปื้อนสีแดงในร้านไก่ทอดแน่นอน การออกแบบโลโก้ประเภทนี้มักจะถูกสร้างมาเป็นภาพ ‘คน’ สื่อถึงผู้ก่อตั้งแบรนด์ หรืออาจจะเป็น ‘ตัวการ์ตูน’ ที่ถูกหยิบมาเป็นตัวแทนของทั้งบริษัท ให้ผู้บริโภครู้สึกเป็นกันเองและเข้าถึงตัวแบรนด์ได้ง่าย แถมยังทำให้รู้สึกคุ้นเคยและเป็นภาพจำได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโก๋แก่ มิชลินแมน (จากยางมิชลิน) หรือผู้พันแซนเดอร์ส (จาก KFC) อย่างที่เราพูดไปนี่แหละ

 

           

 

4. The Combination mark

ในเมื่อเลือกไม่ได้และคิดว่าสวยทั้งสองแบบ ก็หยิบมารวมกันซะเลย โลโก้ประเภท combination mark หรือโลโก้ชนิดผสมผสานจะหยิบองค์ประกอบที่หลากหลายมารวมกันจนเกิดเป็นภาพขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชื่อแบรนด์เต็มๆ (หรืออาจจะชื่อย่อ) ผสมกับตัวมาสคอตที่สื่อถึงองค์กร หรืออาจจะเป็นการผสมรูปทรงต่างๆ ให้เข้ากับโลโก้ตัวอักษรที่คิดไว้ก็ตาม ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเช่น Lacoste, Doritose หรือ Burgerking เป็นต้น ซึ่งโลโก้ประเภทนี้มีข้อดีก็คือหากเป็นที่จดจำในวงกว้างแล้ว แบรนด์สามารถหยิบมาเพียงตัวอักษร หรือมาสคอตก็ได้ ผู้บริโภคก็ยังนึกออกอยู่ดี

 

          

 

 

5. Pictorial marks หรือ Logo symbols

เป็นอีกหนึ่งสไตล์โลโก้ที่ค่อนข้างนิยมแต่ในแง่ของการออกแบบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก โดยการออกแบบโลโก้สไตล์ Pictorial marks หรือการใช้รูปภาพมาเป็นตัวสื่อสารแทนแบรนด์นั้นต้องผ่านกระบวนการคิดอย่างระมัดระวังพอสมควร เพราะนอกจากจะไม่มีชื่อแบรนด์ประกอบแปะไว้ด้วยแล้ว ภาพที่หยิบมาออกแบบไม่ว่าจะเป็นภาพสัตว์ ผลไม้ หรือสิ่งใดก็ตามแต่จะต้องสื่อถึงแบรนด์ได้ชัดเจนที่สุดด้วย ซึ่งแบรนด์ที่เราหยิบมายกตัวอย่างก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในเรื่องการจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Apple, Twitter, หรือ Nike

 

         

 

นี่เป็นเพียงไอเดียที่เราหยิบมาฝากกันเท่านั้น ยังไงก็ต้องจำไว้ว่าโลโก้ที่ดีมักจะมาจากการสื่อสารไอเดียให้ตรงจุดกับนักออกแบบเพื่อดึงภาพในหัวเราออกมาได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งแต่ละสไตล์ของโลโก้ก็แตกต่างกันไปอย่างที่เราได้เห็นกันไปแล้ว แค่เพียงเลือกให้เหมาะกับธุรกิจของเรา สื่อสารได้ชัดเจนและดีไซน์ก็ตรงใจเราที่สุด แค่นี้ก็ได้โลโก้ดีๆ เพื่อเป็นตัวแทนของแบรนด์เราแล้ว